ความเป็นมา

2
ค.ศ. 1890

 

มร. อัลเฟรด คูเอท์ (Alfred Clouët) นักผจญภัยและนักสำรวจรสชาติ ชาวฝรั่งเศส

มร. อัลเฟรด คูเอท์ นักสำรวจชาวฝรั่งเศส ผู้ชื่นชอบในรสชาติจากเมืองเลออาฟวร์ (Le Havre) ละทิ้งธุรกิจช่างตัดเสื้อของผู้เป็นพ่อ เพื่อเริ่มต้นและเปิดบทพิสูจน์ใหม่ในเอเชีย ณ ประเทศสิงคโปร์.

 

ค.ศ. 1892

 

กำเนิด บริษัท A. Clouët

ในปี 1892 เขาได้เริ่มจดทะเบียน บริษัทฯ นำเข้า – ส่งออกของตนเอง ในนาม A. Clouet & Co. โดยเริ่มต้นจากการนำเข้าช็อกโกแลตเมเนียร์ ไวน์จากบอร์กโดซ์ จนถึงกลุ่มน้ำหอมจากเอเชีย.

มร. อัลเฟรด คูเอท์ ใช้เวลากว่า 30 ปี ในการพัฒนาธุรกิจให้มั่นคง ในหลากหลายรูปแบบ จนค้นพบรสชาติที่แปลกใหม่ที่ไม่เคยเป็นที่รู้จักมาก่อนในสมัยนั้น ได้แก่พวก เครื่องเทศเครื่องปรุงรส เครื่องแกง กะทิ ไปจนถึงวัตถุดิบอื่นๆ ที่อยู่ในสูตรอาหารที่ยอดเยี่ยม.

2
 

3
ค.ศ. 1899

 

อาหารกระป๋องชิ้นแรก

บริษัท A. Clouët เล็งเห็นและตัดสินใจที่จะลองสำรวจในสินค้ากลุ่มอื่น ที่ถือว่าเป็นของพรีเมี่ยมในขณะนั้น นั่นก็คือ อาหารกระป๋อง จากสินค้านำเข้า ซึ่งบริโภคกันแค่เฉพาะกลุ่ม มร. อัลเฟรด จึงมุ่งมั่นที่จะทำให้สินค้าไปสู่คนหมู่มาก ซึ่งเขานับเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกยุคแรกเริ่ม ในการทำการตลาดผลิตภัณฑ์อาหารกระป๋องในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย (การทำอาหารกระป๋องในสมัยนั้น ถือเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและยิ่งใหญ่ มีขึ้นเพื่อรักษาคุณค่าทางอาหาร และอายุการเก็บให้นานขึ้น).

ในปีค.ศ. 1899 เขาจึงได้เริ่มทำตลาดให้กับปลาซาร์ดีนบรรจุกระป๋อง และหลากหลายกลุ่มอาหาร เช่น เห็ด และเมล็ดถั่ว โดยปลาซาร์ดีนเองนั้นก็ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ.

 

 

จาก A. Clouët สู่ ตรา อะยัม™

แบรนด์ A. Clouët และอาหารกระป๋องกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยรูป “ไก่แจ้” นั้นได้ถูกออกแบบและใช้เป็นโลโก้สินค้า ลูกค้าโดยมากเริ่มเรียกหาและพูดถึงสินค้าว่า "chop ayam" ซึ่งแปลว่า "ตราไก่" ในภาษามาเลย์.

กลุ่มผู้บริหาร จึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อบริษัทฯ อย่างเป็นทางการ เป็น ตรา อะยัม™ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น.

5
 

4
ค.ศ. 1900

 

นิทรรศการโลก ณ กรุงปารีส

ด้วยความอัจฉริยะทางการตลาดที่ยอดเยี่ยม มร. อัลเฟรด คูเอท์ ได้นำผลิตภัณฑ์ของเขาไปจัดแสดงที่งานนิทรรศการโลก ณ กรุงปารีส ประจำปีค.ศ. 1900 โดยได้รับเหรียญรางวัล ซึ่งช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ของเขาอย่างมาก.

 

ค.ศ. 1954

 

ธุรกิจครอบครัว

บริษัท A. Clouët ถูกเข้าซื้อโดย กลุ่มบริษัทคอบครัว Denis Frères.

ตรา อะยัม™ ถือเป็นแบรนด์เอเชียดั้งเดิม ที่อยู่ภายใต้ฝรั่งเศส.

Denis Frères (ปัจจุบันคือ Maison Denis) กำลังพัฒนาแบรนด์ในอยู่ในระดับสากล.

ตรา อะยัม™ วางตลาดแล้วมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก รวมถึง ออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส, สหราชอาณาจักร และนิวซีแลนด์.

Maison Denis มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่า 158 ปี ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1862 โดย มร. เอเที่ยน เดนิส ด้วยวิสัยทัศน์ แนวทางที่ชัดเจนในการดำเนินธุรกิจ ทำให้บริษัทฯ ดำรงอยู่มาได้อย่างยาวนาน.

Maison Denis ดำเนินธุรกิจใน 3 ภาคส่วนที่แตกต่างกัน โดยคงไว้ซึ่งความมืออาชีพคู่กับนวัตกรรม ได้แก่ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม, วิทยาศาสตร์สุขภาพ และการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค.

ธุรกิจกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ได้เริ่มต้นขึ้นในปีค.ศ. 1954 เมื่อ Maison Denis ได้ถือครอง บริษัท A. Clouet ในประเทศมาเลเซีย โดยทำมีธุรกิจอาหารหลัก ภายใต้ ตรา อะยัม™.

6
 

8

 

ตรา อะยัม™ ในปัจจุบัน

นับแต่ปีค.ศ. 1892 ที่ ตรา อะยัม™ ได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะรังสรรแต่ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ และผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ดีที่สุด จากมาเลเซีย สู่สิงคโปร์, ประเทศไทย และไม่ว่าจะที่ไหนในโลก ผลิตภัณฑ์ของเราสามารถถ่ายทอดประสบการณ์แบบดั้งเดิมสไตล์เอเชีย – วัฒนธรรมที่หลากหลาย และรสชาติเฉพาะตัวประจำถิ่น ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบจากสูตรอาหารรสเลิศนับร้อย.

เรามุ่งมั่นที่จะผลิตสินค้าที่อร่อยถูกปาก ดีต่อสุขภาพ ปราศจากสารก่อภูมิแพ้ วัตถุกันเสีย และสีสังเคราะห์.

– เพื่อให้ได้อาหารที่มีคุณภาพสูงสุดเท่านั้น.

ตรา อะยัม™ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างสรรค์มื้ออาหารที่น่าจดจำของคุณ จากรุ่นสู่รุ่น ตลอดไป.

 

ค.ศ. 2016

 

แบรนด์และความมุ่งมั่นต่อโลก

Maison Denis เป็นสมาชิกของ Global Compact เครือข่ายจากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งดำเนินการรวบรวมหลักเกณฑ์ 10 ประการ ว่าด้วยข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ เข้ากับการกำกับดูแลกิจการของเรา รายงาน ESG มีถูกจัดทำขึ้นเพื่อตรวจสอบความคืบหน้าของ บริษัทฯ ในด้านสิ่งแวดล้อม, สังคมและธรรมาภิบาล.

9
 

10

 

เพื่อน้ำมันปาล์มที่ยั่งยืน

ตรา อะยัม™ภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้ง SASPO (Asia Support for Sustainable Palm Oil) ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มของ WWF® Singapore ตั้งแต่ปีค.ศ. 2016.

วิสัยทัศน์ของพันธกิจของโครงการ คือ การใช้น้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน โดยเป็นไปตามการรับรองจากมาตรฐานอุตสาหกรรม เพื่อหยุดมลพิษทางอากาศ ลดการตัดไม้ทำลายป่า และการสูญเสียที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์ในเอเชียภูมิภาค.